ละอองฝุ่น PM 2.5 ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองกับ จมูก คอ และผิวหนัง โดยเฉพาะโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด ภูมิแพ้ นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยเปิดเผยว่า การสัมผัสฝุ่น PM 2.5 ปริมาณมากนั้น มีโอกาสสูงที่ประสิทธิภาพการนอนหลับจะด้อยลงและมีความเสี่ยงที่จะเป็น โรคนอนกรน และ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
โรคหู คอ จมูก ที่มาพร้อม PM2.5
มีงานวิจัยจากไต้หวันรวบรวมข้อมูลกว่า 4,312 คน จากศูนย์การนอนหลับของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยการแพทย์ไทเป และข้อมูลจากสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของไต้หวัน พบว่า ฝุ่น PM 2.5, ดัชนีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (AHI), ดัชนีการลดความอิ่มตัวของออกซิเจน (ODI) มีความเชื่อมโยงกันเมื่อถูกทดสอบโดยการจำลองสารเป็นระยะเวลา 1 ปี พบว่ามีอัตราเพิ่มขึ้นของค่า PM 2.5 ถึง 3.4 μg/m3 ค่า AHI เพิ่มขึ้น 4.7% และ ค่า ODI เพิ่มขึ้น 2.5%
งานวิจัยของสหรัฐอเมริกาจากกลุ่มตัวอย่าง 1,974 คน เป็นระยะเวลา 5 ปี โดยตัดความเสี่ยงโรคหยุดหายใจขณะหลับด้านอื่นๆ เช่น เพศ น้ำหนัก ออกไปแล้วพบว่า การหายใจเอาทุกๆ 5 μg/m3 ของฝุ่น PM 2.5 จะเพิ่มความเสี่ยงโรคหยุดหายใจขณะหลับถึง 60%
อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถระบุสาเหตุได้แน่ชัด แต่คาดว่าเกิดจากการอักเสบและบวมของระบบทางเดินหายใจส่วนต้นรวมถึงฝุ่น PM 2.5 เข้าสู่สมองและส่งผลกระทบถึงส่วนที่ควบคุมการหายใจโดยตรง
ป้องกันผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 แนะนำดูแลสุขภาพตนเองโดยปฎิบัติดังนี้
แพ็กเกจตรวจสุขภาพการนอนหลับ (Sleep Test)