ไม่ดื่มเหล้า!! ไม่ดื่มเบียร์!! แต่เป็น ไขมันพอกตับ ไม่รู้ตัว… โรคตับภัยเงียบรู้ตัวช้าถึงขั้นเป็นมะเร็งลุกลาม
ระวัง!!! คนที่ปล่อยให้เกิดภาวะไขมันพอกตับไว้นาน ไม่ได้สังเกตอาการผิดปกติของร่างกายและไม่เคยตรวจสุขภาพเลย ตับจะเริ่มเกิดการอักเสบจนทำให้เกิดตับแข็ง และส่งผลให้การทำงานของตับลดลงจนในที่สุดก็จะกลายเป็น มะเร็งตับ
“ไขมันพอกตับ” เป็นภาวะที่ไขมันเข้าไปแทรกที่เซลล์ของตับ โดยที่ร่างกายไม่สามารถนำไขมันที่เรารับประทานไปใช้ได้หมด จนทำให้เกิดการสะสมอยู่ที่ตับเป็นจำนวนมาก โดยไขมันส่วนใหญ่นั้นจะอยู่ในรูปของไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งมาจากอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล และไขมัน ซึ่งหากสะสมมากกว่า 5-10% ของน้ำหนักตับ จะทำให้ตับเกิดการอักเสบ หรือเซลล์ตับตาย และเกิดพังผืดภายในตับ จนกลายเป็นโรคตับแข็งในที่สุด
ไม่ดื่มแอลกอฮอล์!! แต่เป็นไขมันพอกตับเพราะแบบนี้…
- ภาวะโรคอ้วน เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง เสี่ยงเป็นไขมันพอกตับ และนำไปสู่โรคมะเร็งตับได้
- รับประทานอาหารปนเปื้อน เช่น สารอะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) หรือเชื้อรา ที่พบมากในถั่วลิสง ธัญพืช พริกแห้ง กระเทียม
- เนื่องจากติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ B หรือ C เรื้อรัง
- พฤติกรรมการรับประทาน เช่น รับประทานอาหารปิ้งย่างบ่อยเกินไป อาหารประเภทของทอด ของมัน ขนมนมเนย และเครื่องดื่มที่มีรสหวานเป็นประจำ
พฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้จะเข้าไปทำลายเซลล์ตับ และทำให้ตับเกิดการกระตุ้นให้มีไขมันสะสมในตับมากขึ้นจนกลายเป็นไขมันพอกตับ
สังเกตอาการเตือนโรคตับ
- เหนื่อย อ่อนเพลีย
- ผิวเหลือง ตาเหลือง
- ปัสสาวะสีเข้ม
- ท้องอืด เหมือนมีแก๊สในกระเพาะ
- คลื่นไส้อาเจียน
ไขมันพอกตับ…หากปล่อยไว้นานอาจเสี่ยงตับวาย!! โรคไขมันพอกตับ ส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีอาการแสดง แต่ถ้ามีภาวะในระยะยาว เป็นปีหรือเป็นสิบปี อาจจะทำให้มีอาการแสดง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคอ้วน ดังนั้น การป้องกัน ย่อมดีกว่าการรักษา เราควรตรวจสุขภาพประจำปี และตรวจสุขภาพตับเพื่อป้องกันการเกิดโรค