นโยบายว่าด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล และการให้ความยินยอมเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของศิครินทร์

บริษัท ศิครินทร์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล โรงพยาบาลศิครินทร์มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 976 ถนนลาซาล แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260 ประเทศไทย (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัท”)โดยบริษัทได้จัดทำนโยบายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ขึ้นเพื่อให้ทราบถึงแนวทางปฏิบัติของบริษัทในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจะทำการเก็บรวบรวมการใช้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและสิทธิของเจ้าของข้อมูลในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลส่วนบุคคลหมายถึง ชื่อ-นามสกุล, วันเดือนปีเกิด, อายุ, เพศ, ศาสนา, เลขประจำตัวประชาชน รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวบุคคล ซึ่งแสดงถึงข้อมูลระบุตัวตนหรือทำให้ทราบและสามารถยืนยันตัวบุคคลได้โดยตรงหรือเมื่อนำไปรวมกับข้อมูลอื่น ๆจะทำให้สามารถระบุตัวตนของบุคคลได้อย่างแน่นอนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมและให้หมายความรวมถึงที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1.ข้อมูลที่เกี่ยวกับการติดต่อ เช่น ที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรสาร รวมถึงอีเมล (E-mail) เป็นต้น

2.ข้อมูลที่เกี่ยวกับทางบัญชีและการทำธุรกรรม เช่น หมายเลขบัญชีธนาคารข้อมูลบนบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตรายการเกี่ยวกับการทำคำสั่งซื้อ การชำระเงิน และรายละเอียดของสินค้าและบริการที่ได้ทำหรือได้ใช้บริการผ่านแพลตฟอร์ม

3.ข้อมูลทางเทคนิค เช่น ที่อยู่ไอพี (IP Address) ข้อมูลการเข้าใช้ชนิดและรุ่นของบราวเซอร์ เขตที่ตั้ง เวลาสถานที่ชนิดและรุ่นของโปรแกรมเสริมของบราวเซอร์ ระบบปฏิบัติการและแพลตฟอร์มรหัสสากลประจำอุปกรณ์เคลื่อนที่ (IMEI) หมายเลขประจำเครื่องและข้อมูลและเทคโนโลยีอื่นของอุปกรณ์ที่ใช้ในการเข้าถึงแพลตฟอร์มของบริษัท 

4.ข้อมูลที่เกี่ยวการเข้าใช้งานในแพลตฟอร์ม เช่น ข้อมูลที่ใช้งานเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการอย่างไร หรือที่มีความสนใจเนื้อหา

5.ข้อมูลที่เกี่ยวกับการตลาดและการสื่อสาร เช่นช่องทางที่พึงพอใจในการได้รับการทำการตลาดจากบริษัทและบุคคลภายนอกและวิธีการสื่อสารใดที่พึงพอใจ

ข้อ 1. วัตถุประสงค์

บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

1.1 เพื่อการปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการของบริษัทเป็นไปอย่างประสิทธิภาพ

1.2 เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ จำแนก และนำเสนอบริการ นำเสนอหรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ 

1.3 เพื่อการวิเคราะห์และวางแผนทางการตลาดของบริษัทและ/หรือร่วมกับบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นใด

1.4 เพื่อแจ้งข้อมูล ข่าวสาร รายการกิจกรรมทางการตลาด การส่งเสริมการขาย และข้อเสนอต่าง ๆการสมัคร หรือการให้บริการต่าง ๆของบริษัท

1.5 เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายและเหตุจำเป็นอื่นใดเพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท

1.6 เพื่อวัตถุประสงค์อื่นตามที่กฎหมายให้อำนาจในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผย โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

1.7 เพื่อการพิสูจน์และยืนยันตัวตน หรือเพื่อสมัครลงทะเบียนและเข้าใช้งานในแพลตฟอร์มนี้

1.8 เพื่อชำระค่าบริการและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการ

1.9 เพื่อให้บริการตอบข้อสงสัยสนับสนุนการใช้งาน ให้ข้อมูล รับเรื่องร้องเรียน ชดเชยค่าเสียหายและแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ

1.10 เพื่อการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลรวมถึงตรวจสอบระบบและกิจกรรมที่เป็นอันตรายใดๆ ต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลและบริษัท

2. การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

2.1 บริษัทมีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลโดยการจัดเก็บแบบเป็นเอกสารและ/หรือ จัดเก็บในระบบอิเล็กทรอนิกส์ แล้วแต่กรณีโดยบริษัทมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันการสูญหายเข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากเหตุอันสมควรหรือโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

2.2 บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลไว้สำหรับพนักงาน ลูกจ้าง และตัวแทนของบริษัทที่ต้องการข้อมูลนั้นเพื่อทำการประมวลผลข้อมูลโดยผู้ที่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการรักษาข้อมูลที่เป็นความลับและอาจถูกลงโทษหรือดำเนินการตามกฎหมายหากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าว

2.3 บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่กฎหมายกำหนดไว้หรือเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ของการเก็บข้อมูลดังกล่าวหรือเพื่อให้เป็นการดำเนินการทางกฎหมายเมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้วหากไม่ยินยอมให้บริษัททำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลบริษัทจะดำเนินการทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้นที่ไม่เป็นการขัดต่อกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องตามวิธีการและขั้นตอนการทำลายข้อมูลและจะดำเนินการให้เสร็จโดยไม่ชักช้า

2.4 เว้นแต่จะถูกกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นโดยกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดที่บริษัทรวบรวมได้อาจถูกใช้และถูกเปิดเผยต่อบุคคล นิติบุคคล และเพื่อวัตถุประสงค์ของบริษัทเท่านั้น

3. การใช้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

3.1 บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลอื่นใดโดยปราศจากความยินยอมและจะเปิดเผยตามวัตถุประสงค์ที่ได้มีการแจ้งไว้ในข้างต้น เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของบริษัทและการให้บริการบริษัทอาจมีความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทในเครือหรือบุคคลอื่นทั้งในและต่างประเทศเช่นผู้ให้บริการต่าง ๆ ที่ต้องดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลโดยในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลดังกล่าวบริษัทจะดำเนินการให้บุคคลเหล่านั้นเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นความลับและไม่นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากขอบเขตที่บริษัทได้กำหนดไว้

3.2 บริษัทอาจเปิดเผย ส่ง โอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบุคคลที่อยู่ภายในหรือภายนอกประเทศไทย ตามหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนด โดยผู้ให้บริการจะดำเนินการเท่าที่จำเป็นและเหมาะสม หรือให้เป็นไปตามข้อบังคับและกฎหมายเพื่อวัตถุประสงค์การใช้งานแพลตฟอร์ม

3.3 บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้หลักเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด เช่น การเปิดเผยข้อมูลต่อหน่วยงานราชการหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแลรวมถึงในกรณีที่มีการร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย เช่นการร้องขอข้อมูลเพื่อการฟ้องร้องหรือดำเนินคดีตามกฎหมายหรือการร้องขอจากหน่วยงานเอกชน หรือบุคคลภายนอกอื่น ๆที่มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย

4. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้

4.1 สิทธิในการถอนหรือยกเลิกความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ให้ความยินยอมไว้ ทั้งนี้การเพิกถอนความยินยอมย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมไว้แล้ว

4.2 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและขอทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลรวมถึงการขอให้เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ได้ให้ความยินยอม

4.3 สิทธิในการแก้ไข ลบ ระงับ หรือโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล

5. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลในระหว่างที่ยังใช้บริการอยู่หรือจนกว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะยกเลิกการใช้บริการแพลตฟอร์มของบริษัท และบริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลตามระยะเวลาที่เหมาะสมและจำเป็นสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภทและตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด

6. กิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการตลาด

บริษัทอาจส่งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกิจกรรมทางการตลาด และการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ การบริการต่าง ๆ ของบริษัทให้กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถยกเลิกความยินยอมในการรับแจ้งข้อมูลข่าวสารได้ตามช่องทางที่บริษัทกำหนด

7. การเปลี่ยนแปลงนโยบายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะทำการพิจารณาตรวจสอบและทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติและกฎหมาย ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้บริษัทขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าวโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

8. กฎหมายที่ใช้บังคับ

นโยบายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้เป็นไปตามกฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทย

9. การติดต่อและการประสานงาน

กรณีมีคำถามหรือปัญหาเกี่ยวกับการใช้งานสามารถติดต่อมายังบริษัทโดยการติดต่อดังต่อไปนี้  

  • อีเมล :[email protected]  
  • โทรศัพท์ : 1728 หรือ 023669900
  • โทรสาร : 0-22366-9942
  • ไปรษณีย์: แผนกสื่อสารองค์กร บริษัท ศิครินทร์ จำกัด (มหาชน) เลขที่ 976 ถนนลาซาล แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260

10.ผลของการเพิกถอนความยินยอม

เจ้าของข้อมูลอาจเพิกถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ รักษาไว้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (หรือบางส่วนของข้อมูลส่วนบุคคล) ตามที่ระบุไว้ในคำแถลงว่าด้วยความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โดยการแจ้งให้ทราบอย่างเหมาะสม                   

หากท่านเพิกถอนความยินยอม ที่ท่านยินยอมให้เก็บรวบรวม ใช้ รักษาไว้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอันเนื่องมาจากเหตุผลที่ไม่ใช่สำหรับการดำเนินการด้านการตลาดอาจไม่สามารถดำเนินการในขั้นตอนต่างๆหรือบริการ และ/หรือบริหารจัดการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ หรือความสัมพันธ์ หรือเพิกถอนจากโปรแกรมใดๆ ก็ตามที่เจ้าของข้อมูลกำลังเข้าร่วมอยู่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจทำให้เสียประโยชน์ เนื่องจากอาจสูญเสียผลประโยชน์อันมีค่าที่จะได้รับจากเจ้าของข้อมูลการเข้าร่วมในโปรแกรมใดๆหรืออาจมีค่าใช้จ่ายสำหรับการเวนคืน หรือ อาจไม่สามารถได้รับความคุ้มครองในระดับเดียวกับความคุ้มครองตามเงื่อนไขเดิมในอนาคตได้อีก

นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับกล้องวงจรปิด (CCTV)

  บริษัท ศิครินทร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ (“บริษัท”) มีการติดตั้งและใช้งานกล้องวงจรปิดตามอาคารและบริเวณสถานที่ของบริษัท และด้วยความเคารพในสิทธิความเป็นส่วนตัวของบุคคลใด ๆ ที่เข้ามาในพื้นที่ของบริษัทเพื่อใช้ในการตรวจสอบรักษาความปลอดภัยรวมไปถึงการสังเกตการณ์และบันทึกภาพบุคคลที่อยู่ในและบริเวณโดยรอบสถานที่ของบริษัท บริษัทจึงได้จัดให้มีนโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับกล้องวงจรปิด (CCTV) โดยได้เผยแพร่นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับกล้องวงจรปิดนี้เพื่อเป็นการชี้แจงเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงวิธีการในการปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและแนวทางการจัดการข้อมูลดังกล่าวอย่างเหมาะสมตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (“พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”)

  1. วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับกล้องวงจรปิดของบริษัทจะทำโดยเจ้าหน้าที่            ที่เกี่ยวข้องของบริษัทหรือบุคคลใด ๆ ซึ่งมีความเกี่ยวข้อง หรือที่จะกระทำการแทนในนามบริษัทเท่าที่จำเป็นในการควบคุมและรักษาความปลอดภัยในอาคารและบริเวณสถานที่ของบริษัทเพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวังและเพื่อการรักษาความปลอดภัย โดยอาศัยฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest) และฐานหน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation) มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • เพื่อเป็นการควบคุมดูแลความเรียบร้อยในการเข้าออกอาคารและสถานที่และเพื่อรักษาความปลอดภัยบริเวณอาคารและสถานที่ของบริษัท
  • เพื่อเป็นการยืนยันตัวบุคคลในการเฝ้าระวัง ป้องกัน ขัดขวาง การกระทำความผิดที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกาย ทรัพย์สิน    
  • เพื่อเป็นการตรวจสอบ ป้องกัน หรือระงับซึ่งอันตรายด้านสุขอนามัยจากโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาด
  • เพื่อจัดเก็บข้อมูลจากระบบกล้องวงจรปิดไว้ในฐานข้อมูลของบริษัท รวมทั้งเพื่อดูแลและตรวจสอบระบบกล้องวงจรปิดให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ข้างต้น
  • เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินการทางกฎหมาย รวมถึงการดำเนินการที่จำเป็นในกระบวนการทางกฎหมายหรือการปฏิบัติตามคำสั่งของศาล หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย
  • เพื่อใช้ในการตรวจสอบและพิจารณาการปฏิบัติงานของบุคลากรของบริษัท
  1. วิธีการใช้เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกจัดเก็บ

บริษัทติดป้ายแจ้งเตือนว่ากล้องวงจรปิดทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเป็นการเฝ้าระวังความปลอดภัยด้วยกล้อง วงจรปิด โดยกล้องจะถูกติดตั้งอยู่บริเวณทางเข้าออกอาคาร บริเวณสถานที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ และบริเวณโดยรอบสถานที่ของบริษัท โดยบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเมื่ออยู่ในและบริเวณโดยรอบสถานที่ของบริษัท ข้อมูลจะถูกบันทึกผ่านระบบรักษาความปลอดภัยของบริษัทด้วยระบบกล้องวงจรปิด โดยจะถูกจัดเก็บเป็นภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว

  1. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นความลับและไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมไว้ผ่านระบบกล้องวงจรปิดดังกล่าวข้างต้นให้แก่บุคคลภายนอก อย่างไรก็ตามบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอย่างระมัดระวังเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการติดตั้งกล้องวงจรปิดตามนโยบายนี้ หรือเปิดเผยต่อบุคคลภายนอกเฉพาะกรณีที่กฎหมายกำหนดให้ดำเนินการได้เท่านั้น

  1. ระยะเวลาการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลไว้เพียงระยะเวลาหนึ่ง หรือระยะเวลาไม่เกิน 15 วัน นับแต่วันที่ได้เก็บรวบรวมข้อมูลการเข้าออกอาคารหรือสถานที่ของบริษัทภาพที่บันทึกไว้โดยกล้องวงจรปิดจะถูกลบโดยอัตโนมัติ หรือกรณีที่เป็นข้อพิพาทหรือการดำเนินกระบวนการตามกฎหมาย หลังจากครบกำหนดอายุความตามข้อพิพาทหรือการดำเนินกระบวนการตามกฎหมายนั้นได้สิ้นสุดแล้ว ภาพที่บันทึกไว้โดยกล้องวงจรปิดจะถูกลบไปหรือถูกจัดเก็บตามที่กฎหมายกำหนดแล้วแต่กรณี

  1. สิทธิที่เกี่ยวข้องในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

สิทธิตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

5.1 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

มีสิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือขอให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากกล้องวงจรปิดที่อยู่ในความดูแลของบริษัทเฉพาะข้อมูลที่ได้ให้ความยินยอมหรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มา       ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว โดยจะต้องทำคำขอเป็นหนังสือส่งมาที่ยังบริษัท และบริษัทจะพิจารณาและจัดทำส่งสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวภายใน 30 วันนับจากวันที่บริษัทได้รับคำขอ และ/หรือตามที่กฏหมายกำหนด และในบางกรณีบริษัทอาจขอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อยืนยันตัวตนและสิทธิที่แสดงความเกี่ยวข้องซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

5.2. สิทธิขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล

สิทธิในการขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นด้วยรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้อย่างทั่วไป ทั้งนี้ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องยินยอมให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไว้แก่บริษัทและเป็นข้อมูลที่บริษัทได้ทำการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยตามฐานความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น

5.3. สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง หากเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์โดยชอบด้วยกฎหมาย บริษัทจะดำเนินการพิจารณาคำขอโดยเร็วหรืออาจปฏิเสธคำขอ หากคำขอนั้นบริษัทได้พิจารณาแล้วเห็นว่ามีเหตุจำเป็นอันชอบด้วยกฎหมายที่มีความสำคัญมากกว่าให้สามารถเก็บรวมรวบ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลนั้น เพื่อเป็นการปฏิบัติหรือใช้สิทธิตามกฎหมายหรือยกเป็นข้อต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย 

5.4. สิทธิในการขอให้ลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคล

ในกรณีข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามขอบเขตที่กฎหมายอนุญาตให้สามารถทำได้ เว้นแต่ กรณีที่บริษัทต้องรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนดไว้เพื่อเป็นประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย และหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งสิทธิในการขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนี้ เฉพาะข้อมูลที่ได้ให้ความยินยอมแก่บริษัท หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลได้ ในกรณีดังต่อไปนี้

  • เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย
  • เมื่อถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและบริษัทไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยได้ต่อไป
  • เมื่อคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและบริษัทไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะปฏิเสธได้เมื่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

5.5 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการชั่วคราว

  • เป็นข้อมูลที่ต้องลบหรือทำลายเมื่อข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่ถูกขอให้ระงับเป็นการชั่วคราวแทน
  • เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล แต่ยังมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
  • เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการพิจารณาสิทธิในการปฏิเสธคำขอการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

5.6 สิทธิในการถอนความยินยอม

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิถอนความยินยอมเสียเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่ การถอนความยินยอมนั้นถูกจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่เจ้าของข้อมูล ทั้งนี้ การถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทก่อนหน้าแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย

5.7 สิทธิในการขอให้แก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้บริษัททำการแก้ไข ข้อมูลที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย โดยบริษัทต้องดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกต้องเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หากบริษัทปฏิเสธคำขอ บริษัทจะบันทึกการปฏิเสธดังกล่าวพร้อมด้วยเหตุผลลงในบันทึกรายการ

5.8 สิทธิร้องเรียน

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการร้องเรียนให้แก่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง หากพบว่าบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่มีการบังคับใช้ในประเทศไทย

  1. มาตรการในการรักษาความปลอดภัย
  • ภาพถ่ายหรือภาพที่ถูกบันทึกข้างต้นไว้โดยบริษัทสามารถเข้าถึงได้โดยแผนกความปลอดภัยของบริษัทและบริษัทคู่สัญญาที่เป็นผู้รับจ้างดำเนินการเกี่ยวกับระบบกล้องวงจรปิด ทั้งนี้ บริษัทจะจำกัดการเข้าถึงระบบกล้องวงจรปิดในระดับสูงซึ่งจะมีการป้องกันโดยการกำหนดรหัสผ่านและโดยการบันทึกการเข้าสู่ระบบและการปฏิบัติการใด ๆ ของผู้เข้าถึงระบบกล้องวงจรปิดและข้อมูลส่วนบุคคลมิอาจเข้าถึงได้โดยมิได้รับอนุญาตจากผู้จัดการสาขา หน่วยงานความปลอดภัย และการป้องกันความสูญเสียหรือฝ่ายบริหารสำนักงานใหญ่
  • บริษัทรับรองว่าข้อมูลที่จัดเก็บทั้งหมดจะถูกจัดเก็บอย่างปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐานในการรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด หากมีเหตุให้เชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลถูกละเมิด หรือมีข้อสงสัยประการใดเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับกล้องวงจรปิดฉบับนี้กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท
  1. การเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับกล้องวงจรปิด

บริษัทสงวนสิทธิในการพิจารณาทบทวน เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับกล้องวงจรปิดตามความเหมาะสมได้ตลอดเวลาตามที่เห็นสมควร โดยแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทั้งนี้ บริษัทจะแจ้งการเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือปรับปรุงดังกล่าวไว้ในเว็บไซต์ของบริษัทและสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา

การเปลี่ยนแปลงคำแถลงว่าด้วยความเป็นส่วนตัวฉบับนี้

ไม่ว่าในเวลาใดก็ตามและโดยไม่ต้องบอกกล่าวบริษัทขอสงวนสิทธิในการเพิ่มเติม เปลี่ยนแปลง ปรับปรุง หรือปรับเปลี่ยนคำแถลงว่าด้วยความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ เท่าที่กฎหมายอนุญาต โดยเพียงแจ้งการเปลี่ยนแปลง การปรับปรุง หรือการปรับเปลี่ยนดังกล่าวเท่านั้น การแจ้งนั้นสามารถทำได้ทางอีเมล หรือวิธีการสื่อสารทั่วไปอื่นๆ หากกฎหมายที่ใช้บังคับกำหนดไว้ อาจแจ้งให้ทราบในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงในประการสำคัญของคำแถลงว่าด้วยความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ และหากจำเป็นอาจขอความยินยอมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น

ข้อมูลเพิ่มเติม

หากมีคำถามเกี่ยวกับเนื้อหาส่วนใดๆในคำแถลงว่าด้วยความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ หรือ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปฏิบัติของบริษัทในเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูล กรุณาติดต่อได้ทันที (กรุณาดูหัวข้อ 9.“การติดต่อและประสานงาน”ข้างต้น)

ความยินยอม

การให้ความยินยอมนี้ เป็นการที่รับทราบและตกลงให้มีการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ (รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว หากมี และการโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ) ตามคำแถลงว่าด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้น



โทรหาเรา 1728 นัดหมายแพทย์ นัดหมายแพทย์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า