โรคหู คอ จมูก ที่มาพร้อม PM2.5

ค่าฝุ่น PM2.5 ที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบสุขภาพสะสมระยะยาว และยังพบผู้ป่วยโรคหู คอ จมูกเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่เป็นภูมิแพ้ ไซนัส หอบหืด มีอาการแย่ลงจากเดิม!

ปัญหาฝุ่น PM2.5 ภัยคุกคามต่อสุขภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาว นอกจากฝุ่นจิ๋วนี้จะเป็นสารก่อภูมิแพ้แล้ว ยังเป็นสารก่อระคายเคือง จึงทำให้คนธรรรมดาที่ไม่ได้ป่วยเป็นภูมิแพ้ ก็สามารถมีอาการเยื่อบุจมูกอักเสบ คัดจมูก จาม ไอ คันคอ และมีน้ำมูกได้

PM2.5 มีขนาดเล็กมากจนทำให้ขนจมูกไม่สามารถดักจับฝุ่นได้ ทำให้ฝุ่นสามารถผ่านเข้าจมูก ดวงตา ผิวหนัง จนเกิดการอักเสบในช่องจมูก โพรงไซนัสในทางเดินหายใจ ไม่ว่าจะเป็นหลอดลม ถุงลม ปอด ส่งผลให้คนไข้ที่เป็นภูมิแพ้ ไซนัส หอบหืด มีอาการแย่ลงจากเดิม

ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ อย่างโรคภูมิแพ้จมูกที่มีการกำเริบจากPM2.5 ถ้ามีอาการเรื้อรังสามารถส่งผลกระทบไปยังหูชั้นกลางกับช่องจมูก ซึ่งมีท่ออากาศเชื่อมต่อกัน เมื่อท่อเกิดการอุดตัน อากาศที่ถูกกักไว้ภายในจะทำให้รู้สึกปวดหู หูอื้อ และอาจมีมูกขังภายใน จนเกิดการติดเชื้อและหูชั้นกลางอักเสบ ถ้าเป็นเรื้อรังอาจมีหนองไหลออกจากหูเนื่องจากมีเยื่อแก้วหูทะลุ

ฝุ่น PM2.5 ยังสามารถนำเอาสารโลหะหนักผ่านเข้าไปได้ทั้งยังเป็นสารก่อมะเร็งอีกด้วย

โดยข้อมูลจากกรมอนามัย พบว่า คนไทย 34% มีปัญหาระบบทางเดินหายใจจากการรับสัมผัสฝุ่น PM2.5! 

ร้อยละ 77 ประชาชนมีอาการ ที่เกี่ยวข้องกับการรับสัมผัส PM2.5 โดยอาการที่พบมากสุด คือ ระบบทางเดินหายใจร้อยละ 35 รองลงมาระบบตาร้อยละ 32 รองลงมา คือ ระบบหู คอ จมูก ร้อยละ 19 ระบบผิวหนังร้อยละ 9 และระบบหัวใจและหลอดเลือด ร้อยละ 5 ตามลำดับ โดยในเดือนมกราคม และเมษายน เป็นช่วงเดือนที่ประชาชนมีอาการที่เกิดจากผลกระทบ PM2.5 มากที่สุด

คนธรรมดานอกเหนือจากผู้ป่วย ภูมิแพ้ ไซนัส หอบหืด ก็ควรจะต้องสวมแมสป้องกันฝุ่น PM2.5 สวมใส่เสื้อผ้าปกคลุม เพื่อป้องกันฝุ่นซึมเข้าผิวหนัง ทาโลชั่นให้ผิวมีความชุ่มชื้นแข็งแรง

หากมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล แสบจมูก แสบตา มีเลือดกำเดาไหล ปวดใบหน้า หายใจหอบเหนื่อย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อการรักษาอย่างถูกต้อง