“วิตามินดี” มีประโยชน์มากมาย นอกจากอยู่ในแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าและเย็น เพื่อเป็นตัวช่วยดูดซึมแคลเซียมที่รับประทานเข้าไปเสริมสร้างกระดูก และป้องกัน โรคกระดูกพรุน โรคกระดูกบาง แล้ว ยังมีประโยชน์อื่นๆ ที่คาดไม่ถึง เช่น ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมความดันโลหิต ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ อีกทั้งยัง คลายความเครียด ลดอาการโรคซึมเศร้า ได้อีกด้วย
อายุเท่านี้ เสี่ยงโรคอะไรบ้าง?
การตรวจวิเคราะห์ระดับวิตามินดีว่าเพียงพอหรือไม่ ต้องอาศัยการตรวจเลือดซึ่งเป็นหนึ่งในโปรแกรมตรวจสุขภาพ เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยค้นหาความเสี่ยงโรคต่าง ๆ เช่น โรคกระดูกบาง โรคกระดูกพรุน เป็นต้น เพราะประโยชน์ของวิตามิน D ดีมากกว่าที่คุณคิด
- ช่วยลดความเครียด และต้านภาวะซึมเศร้า
- ช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น
- ช่วยลดอาการปวดรูมาตอยด์
- ช่วยการทำงานของระบบสังเคราะห์ฮอร์โมน
- กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
- ช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้ โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE)
- ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดี
- ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน กระดูกบาง
- ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต
- ช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ

ขาดวิตามินดี เพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19
วิตามินดี นอกจากจะเกี่ยวข้องกับสุขภาพของกระดูกแล้ว ยังมีบทบาทสำคัญในโรคอื่นๆ เช่น การติดเชื้อ โดยนักวิจัยชาวอิสราเอล มหาวิทยาลัยบาร์อีลัน (BIU) และศูนย์การแพทย์กาลิลี (GMC) ได้ทำการตรวจวัดระดับวิตามินดี ในร่างกายผู้ป่วย ก่อนผลตรวจว่าพบเชื้อ หรือผลตรวจเป็นบวก ( + ) ในระยะเวลา 14 – 730 วัน พบว่า ผู้ป่วยติดเชื้อ Covid-19 ที่มีระดับรุนแรงหรือวิกฤต มีแนวโน้มที่จะมีภาวะขาดวิตามินดี ก่อนการติดเชื้อรุนแรง ที่มีระดับต่ำกว่า 20 ng/mL เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ป่วยที่ไม่รุนแรงหรือปานกลาง
(ที่มา: เยรูซาเล็ม, 2021)
เสริมภูมิคุ้มกันด้วยวิตามินดี
โดยปกติแล้ว ร่างกายสามารถสังเคราะห์วิตามินดีได้จากผิวหนังเมื่อโดนแสงแดด แต่ปัจจุบันนี้ คนส่วนใหญ่สัมผัสแสงแดดน้อยลง และปัจจัยอื่นๆ เช่น มลพิษ ช่วงเวลาของวัน ฝุ่นละออง ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ประกอบกับ อาหารที่รับประทานก็มีวิตามินดีไม่เพียงพอ ทำให้พบว่า 45% ของประชากรมีภาวะพร่องวิตามินดี หรือมีระดับวิตามินดีไม่เพียงพอ
โดยผู้ที่มีความเสี่ยงขาดวิตามินดี ได้แก่ ผู้ที่ทำงานในร่ม ผู้สูงอายุ ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในการติดเชื้อต่างๆ ซึ่งควรได้รับการตรวจระดับวิตามินดีในเลือด
ร่างกายของเรา ควรได้รับปริมาณวิตามินดีเท่าไรจึงจะเหมาะสม?
วิตามินดี เป็นหนึ่งวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติ แต่หากร่างกายเกิดการติดเชื้อแล้ว วิตามินดี จะทำหน้าที่ควบคุมระบบภูมิคุ้มกันไม่ให้ทำงานมากผิดปกติ จนส่งผลเสียต่อร่างกายของผู้ป่วยได้เช่นกัน
การมีวิตามินดีในระดับที่ดีต่อสุขภาพ นอกจากจะช่วยเรื่องความแข็งแรงของสุขภาพกระดูกแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และสามารถป้องกันผู้ป่วยจากภาวะแทรกซ้อนรุนแรง รวมถึงการเสียชีวิตจากโควิด-19 ได้
(ที่มา: XINHUA, 2020)
ร่างกายของเราได้รับวิตามินดีจากไหนบ้าง?
ร่างกายของเรา รับวิตามินดีได้จาก 2 ทาง คือ
แหล่งอาหารที่มีวิตามิน D สูง : น้ำมันตับปลา ปลาที่มีไขมันสูง (เช่น แซลมอน ทูน่า) ไข่แดง นมและผติภัณฑ์จากนม เห็ด เมล็ดธัญพืช สาหร่ายบางชนิด
โดยปริมาณวิตามินดีที่ร่างกายได้รับนั้น ขึ้นอยู่กับอายุของแต่ละบุคคล ดังนี้
- อายุน้อยกว่า 1 ปี ควรได้รับวิตามินดี วันละ 400 IU (10 ไมโครกรัม)
- อายุ 1-70 ปี ควรได้รับวิตามินดี วันละ 600 IU (15 ไมโครกรัม)
- อายุ 70 ปีขึ้นไป ควรได้รับวิตามินดี วันละ 800 IU (20 ไมโครกรัม)
- สตรีที่วางแผนตั้งครรภ์ ควรได้รับวิตามินดี วันละ 400-600 IU (10 ไมโครกรัม) ส่วนสตรีตั้งครรภ์ในกลุ่มความเสี่ยงสูง ควรได้รับวิตามินดี วันละ 2,000-4,000 IU (50-100 ไมโครกรัม)