แพทย์หญิงวิมลรัตน์ ประทีปะเสน
จักษุแพทย์
Optical coherence tomography (OCT) เทคโนโลยีทางการแพทย์ล่าสุดที่ในการตรวจจอประสาทตา โดยเป็นเครื่องมือตรวจความหนาของชั้นจอประสาทตาและพยาธิสภาพ ค้นหาความเสี่ยงของการทำลายเซลล์ประสาทตาจากภาวะต้อหิน เช่น จอประสาทตาเสื่อมเนื่องจากอายุ จอประสาทตาบวมจากเบาหวานขึ้นจอตา พังผืดบริเวณจอประสาทตา วัดความหนาของจอตาเพื่อใช้วิเคราะห์โรคต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ ประมวลผลด้วยระบบคอมพิวเตอร์เพื่อดูความผิดปกติได้ทันที และยังสามารถติดตามการรักษาได้อย่างแม่นยำ
- สามารถดูได้ละเอียดถึงประมาณ 0.01 มิลลิเมตร
- ทำได้ง่ายและรวดเร็ว (ใช้เวลาเพียงไม่เกิน 5 นาที)
- ขณะตรวจไม่เจ็บ
- ไม่สัมผัสรังสี ผู้เข้ารับการตรวจจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ
- ไม่ต้องฉีดยา
- วิเคราะห์โรคได้อย่างแม่นยำ
- สามารถใช้ติดตามการรักษาได้
ทำไมต้องตรวจจอประสาทตา? ใครบ้างที่ควรตรวจจอประสาทตาด้วยเครื่อง Optical coherence tomography (OCT)
- โรคจอประสาทตาจากโรคเบาหวาน
- โรคจอประสาทตาเสื่อม เนื่องจากอายุ (AMD) โดยมีความเสี่ยงในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี
- โรคจุดรับภาพบวมจากภาวะต่างๆ เช่น เบาหวาน, เส้นเลือดดำที่จอประสาทตาอุดตัน
- โรคจุดรับภาพฉีกขาด
- ภาวะพังผืดที่จอประสาทตาและจุดรับภาพ
- ภาวะจอประสาทตาหลุดลอก
- ภาวะเส้นเลือดผิดปกติที่จอประสาทตา
- โรคต้อหิน ซึ่งมีความเสี่ยงในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี / ผู้ที่มีการอักเสบเรื้อรังในม่านตา / มีประวัติคนในครอบครัวเป็นต้อหิน
ถึงแม้ว่าจะไม่มีอาการผิดปกติในการมองเห็น แต่การตรวจสุขภาพตาถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย โดยบุคคลทั่วไป ควรได้รับการตรวจสุขภาพตา (รวมทั้งตรวจจอประสาทตา) ทุก 2-4 ปี และสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ควรได้รับการตรวจจอประสาทตาจากจักษุแพทย์ ทุก 1 – 2 ปี แม้จะไม่มีอาการผิดปกติในการมองเห็น เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้กลุ่มผู้สูงอายุสูญเสียการมองเห็น
