โรคเริม (Herpes simplex) เป็นโรคติดต่อทางผิวหนังเกิดจากการสัมผัสเชื้อไวรัส HSV-1 ติดต่อได้โดยการสัมผัสและผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์ บริเวณที่ติดเชื้อเริมจะเกิดแผลตุ่มน้ำใสเล็กๆ รวมกันเป็นกลุ่ม ตุ่มนี้จะแตกออกและกลายเป็นแผลสะเก็ด มักเกิดรอยโรคที่บริเวณปาก ใบหน้า หรือส่วนใดก็ตามที่อยู่เหนือสะดือ และ HSV-2 ทำให้คัน ระคายเคือง แผลพุพอง เจ็บปวดบริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งผู้ป่วยบางรายอาจไม่แสดงอาการใดๆ เลยก็ได้
อาการ HSV-1: เกิดตุ่มพอง อักเสบ เจ็บแสบร่างกายส่วนบน ตั้งแต่ 2-3 วันจนถึง 1-2 สัปดาห์
อาการ HSV-2 เพศชาย: บวมแดง มีตุ่มพองใส ปัสสาวะขัดลำกล้อง เจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์
อาการ HSV-2 เพศหญิง: บวมแดง มีตุ่มพองใส แสบขณะปัสสาวะ ตกขาวและมีกลิ่นคาวร่วม
หากเชื้อลุกลามไปยังอวัยวะส่วนอื่นๆ
- ติดเชื้อที่ดวงตาอาจสูญเสียการมองเห็น
- ติดเชื้อสมองอาจะเป็นสมองอักเสบ
- ติดเชื้อขณะตั้งครรภ์ เสี่ยงแพร่เชื้อสู่ทารกในครรภ์
โรคเริม “ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้” ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วเชื้อจะหลบซ่อนอยู่ในร่างกาย โดยสามารถแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนัง และจะกลับมาเป็นซ้ำได้เมื่อร่างกายอ่อนแอหรือภูมิคุ้มกันต่ำลง โดยจะกำเริบขึ้นตรงตำแหน่งที่เคยเป็น
เช็ก ปัจจัยกระตุ้นโรคเริมซ้ำ
โรคเริม เป็นโรคติดต่อทางผิวหนังชนิดหนึ่ง สามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัย โดยมักพบผู้ป่วยวัยหนุ่มสาว และวัยผู้ใหญ่ ผู้ป่วยโรคเริมส่วนใหญ่มักจะไม่แสดงอาการของโรค และอาจมีการกำเริบกลับมาเป็นซ้ำได้อีก ดังนั้น หากพบความผิดปกติ แนะนำให้รีบพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป