อาการแบบนี้ บ่งบอก ลูกติดมือถือหนัก!

ปัจจุบัน พบเด็กไทยมีอัตราการติดมือถือขนาดหนักที่ต้องเข้ารับการบำบัดรักษาราว 10-15% เนื่องมาจากเนื้อหาและรูปแบบของเกมที่สนุกสนาน ช่วยสร้างความสุขให้กับเด็กๆ บวกกับเทคโนโลยีที่ทำให้สื่อต่างๆ กลายเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวและเข้าถึงง่าย ทำให้ผู้ปกครองควบคุมดูแลการใช้มือถือของเด็กๆ ได้ยากยิ่งขึ้น

ปัญหา #ลูกติดมือถือ นับเป็นปัญหาสำคัญของหลายๆ ครอบครัว จากสถิติในปัจจุบัน พบว่ามีเด็กๆ ที่อยู่หน้าจอมากถึง 35 ชั่วโมง/สัปดาห์ ซึ่งโดยปกติแล้วไม่ควรเกิน 16 ชั่วโมง/สัปดาห์

อาการแบบนี้…บ่งบอกลูกติดมือถือหนัก!

  • ไม่สนใจหรือเลิกทำกิจกรรมที่เคยชอบ
  • ละเลยหน้าที่ความรับผิดชอบ
  • ควบคุมเวลาเล่นมือถือของตนเองไม่ได้
  • หงุดหงิด โมโหรุนแรง

ปล่อยลูกติดมือถือ เสี่ยง “พฤติกรรมโมโหร้าย สมาธิสั้น

หากคุณพ่อคุณแม่ ปล่อยให้ลูกมีพฤติกรรม “ติดมือถือ” นอกจากจะสร้างพฤติกรรมที่ไม่ดีแล้ว ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพด้านต่างๆ

  • สุขภาพร่างกายผิดปกติ ร่างกายไม่แข็งแรง เช่น ปวดศีรษะ ปวดตา ปวดต้นคอ ปวดท้องโดยไม่ทราบสาเหตุ นอนหลับไม่ดี นอนไม่ยาว เสี่ยงสายตาสั้น ตาอักเสบ
  • สมองเล็กลงขาดการพัฒนา ทำให้พัฒนาการเชาวน์ปัญญาไม่ดี ไอคิวต่ำกว่ามาตรฐาน เช่น กระบวนการฝึกคิด การเรียนรู้ และการแก้ปัญหาที่เชื่องช้า
  • พัฒนาการช้า ในด้านภาษา การพูด เขียน อ่าน ไม่ได้หรือได้ช้ากว่าเด็กในวัยเดียวกัน
  • เข้าสังคมยาก ขาดการเล่นอิสระ เพราะได้สูญเสียเวลาไปกับการเล่นมือเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากในความสัมพันธ์ระดับครอบครัว และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
  • อารมณ์รุนแรง มีพฤติกรรมก้าวร้าว ในกรณีเด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปี มักพบปัญหาลักษณะการโวยวายที่รุนแรงกว่าเด็กทั่วไปที่ไม่ได้ติดมือถือ และจะมีอาการแสดงชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อโตขึ้น โดยเริ่มจากการพูดจาที่ก้าวร้าว การแสดงออกที่รุนแรง และมีสภาวะอารมณ์ที่ผิดปกติ หงุดหงิดง่าย หุนหันพลันแล่น ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้า และวิตกกังวลได้ง่ายกว่าเด็กกลุ่มอื่น

เรียนรู้และเข้าใจ ‘โรคซึมเศร้า’

เมื่อลูกติดมือถือ แท็บเล็ต แก้ไขอย่างไรดี?

หากเด็กเกิดพฤติกรรมติดมือถือ จะส่งผลทั้งในด้านพฤติกรรม ความเครียด ทั้งต่อตัวเด็กและคุณพ่อคุณแม่ด้วย ซึ่งทำให้กระทบต่อความสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัวไปด้วยคุณพ่อคุณแม่จะจัดการกับปัญหานี้อย่างไรดี? อันดับแรกคือการเป็นแบบอย่างที่ดี (Role Model) ให้กับลูก และปรับพฤติกรรมให้ลูกมีการใช้มือถืออย่างเหมาะสม

  • กำหนดเวลาเล่นมือถือให้ชัดเจน จำกัดเวลาในการใช้งานให้เหมาะสมตามวัย
  • สร้างกิจกรรมทดแทน พ่อแม่เล่นกับลูกเยอะๆ ทำกิจกรรมร่วมกับเด็กๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นพัฒนาการ
  • สานความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตามใจ ให้โอกาสเด็กๆ ได้เล่นอิสระ กับเพื่อนๆ ตามความเหมาะสม
  • เลือกประเภทเกมที่เหมาะสม ไม่ปล่อยให้เด็กอยู่กับหน้าจอตามลำพัง ควรให้คำแนะนำเนื้อหาที่ดูกับเด็กไปด้วย
  • พ่อแม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก เลิกนิสัยติดหน้าจอตลอดเวลา
  • ไม่เก็บมือถือไว้ในห้องนอน ไม่ควรซื้อมือถือ แท็บเล็ตให้เด็กๆ ใช้ส่วนตัว

มือถือใช้ได้เมื่อไร?

แนะนำให้เริ่มใช้มือถือได้เมื่อเด็กอายุ 3 – 4 ปี และควรจำกัดเวลาในการเล่นไม่เกิน 60 นาที/วัน

เด็กแรกเกิด – 2 ปี ควรหลีกเลี่ยงการใช้มือถือ แท็บเล็ต

พ่อแม่หัวใจสำคัญตัวช่วยปรับพฤติกรรมลูก

คุณพ่อคุณแม่มักเข้าใจว่า การเล่นมือถือเป็นเรื่องปกติตามวันของเด็ก แต่ถ้าหากการเล่นเหล่านั้นขาดการควบคุมที่ดี ขาดการดูแลอย่างเหมาะสม อาจส่งผลกระทบให้เกิดปัญหากับเด็กในระยะยาวได้ โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นที่เริ่มจะมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามา เช่น ความเครียดจากการเรียน ปัญหาในโรงเรียน การคบเพื่อน ซึ่งจะส่งผลต่อปัญหาด้านพฤติกรรมอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ในขั้นตอนการบำบัดรักษา พฤติกรรมติดมือถือ แพทย์จะทำการประเมินพฤติกรรมเด็กจากการพูดคุยกับผู้ปกครองหรือตัวเด็กเอง ร่วมกับการประเมินความพร้อมและความอดทนของพ่อแม่ ก่อนที่จะให้คำแนะนำในการบำบัดรักษาต่อไป


ข้อมูลสุขภาพ แม่และเด็ก
โทรหาเรา 1728 นัดหมายแพทย์ นัดหมายแพทย์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า