ข้อควรรู้! สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ควรดูแลตัวเองอย่างไร?

ข้อควรรู้! สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ควรดูแลตัวเองอย่างไร?

ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 คุณแม่ตั้งครรภ์ควรดูแลป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด เพราะหากติดเชื้อโควิด จะมีอันตรายและส่งผลให้มีอาการรุนแรงมากกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะคุณแม่ตั้งครรภ์ที่อยู่ในไตรมาสที่ 3 ถือเป็นระยะอันตรายที่ต้องระมัดระวังอย่างมาก เนื่องจากขนาดของมดลูกจะค่อนข้างโต ทำให้ปอดของคุณแม่ขยายตัวได้ไม่ดี หากได้รับเชื้อ จึงมักพบอาการที่รุนแรง มีโอกาสเกิดภาวะปอดอักเสบสูง

  • หากพบว่ามีการตั้งครรภ์ แนะนำให้ฝากครรภ์ตามปกติ
  • สวมหน้ากากอนามัย ตลอดเวลาเมื่ออยู่นอกบ้าน
  • หมั่นล้างมือบ่อยๆ พกแอลกอฮอล์เจล หรือสเปรย์แอลกอฮอล์ติดตัว เพื่อทำความสะอาดมือตลอดเวลา
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตา ปาก และจมูก
  • ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยที่ไอหรือจาม
  • หลีกเลี่ยงการไปในที่ชุมชนหรือที่แออัด เพื่อลดความเสี่ยงในการรับเชื้อ
  • เว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1.5 เมตร
  • ไม่ใช้สิ่งของร่วมกันกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ ช้อนส้อม
  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นอาหารสุก สะอาด
  • พักผ่อนนอนหลับให้ครบ 8 – 10 ชั่วโมง/วัน
  • ไม่เครียด หรือวิตกกังวลมากจนเกินไป ทำกิจกรรมช่วยให้ผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง ดูหนัง
  • รักษาสุขภาพอย่างระมัดระวัง มากกว่าการตั้งครรภ์ในสถานการณ์ปกติ
  • หมั่นสังเกตอาการของตนเอง เช่น อาการบวม ทารกดิ้นน้อยลง เจ็บครรภ์ เลือดออกทางช่องคลอด เป็นต้น หากพบว่ามีอาการผิดปกติดังกล่าว ให้รีบมาพบแพทย์โดยทันที

หญิงตั้งครรภ์ติดโควิดแล้วมีผลต่อสุขภาพและทารกในครรภ์อย่างไร

ข้อมูลจากงานวิจัยในหญิงตั้งครรภ์กว่าสองหมื่นรายทั่วโลก สรุปได้ว่า

  • ทารกพิการในครรภ์ ไม่พบความเสี่ยงมากขึ้นกว่าคนทั่วไป
  • ทารกตายในครรภ์ งานวิจัยทั่วโลกไม่พบความเสี่ยงมากขึ้นกว่าคนทั่วไป แต่ในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 2-6 เท่า เชื่อว่าเพราะมาตรการการฝากครรภ์ที่ต้องอาศัยการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ทำให้การตรวจจับภาวะแทรกซ้อน รวมถึงความรุนแรงของโรคต่างๆในขณะตั้งครรภ์ช้าไป
  • การแท้งลูก งานวิจัยทั่วโลกไม่พบความเสี่ยงมากขึ้นกว่าคนทั่วไป
  • ทารกคลอดก่อนกำหนด งานวิจัยทั่วโลกไม่พบความเสี่ยงมากขึ้นกว่าคนทั่วไป แต่งานวิจัยในสหรัฐอเมริกาสูงขึ้น เชื่อว่าเป็นการคลอดก่อนกำหนดที่เกิดจากเหตุผลทางการแพทย์

ในหญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการติดเชื้อโควิดรุนแรงแพทย์มักจะให้คลอด 32-35 สัปดาห์ จึงเพิ่มอัตราคลอดก่อนกำหนด อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 95 ของทารกที่คลอดจากหญิงติดเชื้อโควิดแข็งแรงปลอดภัย

พบอัตราติดเชื้อโควิดในทารกที่คลอดจากมารดาติดเชื้อโควิดร้อยละ 2-5 ส่วนใหญ่ทารกเจ็บป่วยไม่รุนแรง

*ส่วนใหญ่หญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อโควิด-19 จะไม่แสดงอาการ(มากกว่า 2 ใน 3) อาจพบอาการรุนแรงในหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะอ้วน อายุมาก มีโรคประจำตัว
*การติดเชื้อจากแม่สู่ลูกอาจพบได้ประมาณ 2-5%
*มีโอกาสทารกคลอดก่อนกำหนด 1.51% ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนเรื่องการแท้งบุตร และควรได้รับการดูแลจากสูตินารีแพทย์


ดูแลลูกน้อยอย่างไรดี เมื่อคุณแม่ติดโควิด-19 | แพทย์หญิงสโรชา วุฒิพุธนันท์

คุณแม่ป่วยเป็น Covid-19 ให้นมลูกได้ไหม ?

น้ำนมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกแรกเกิด โดยในน้ำนมแม่นั้นมีสารอาหารและวิตามินที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโต มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ทารก อีกทั้งยังส่งเสริมพัฒนาการของร่างกาย สมอง อารมณ์ และจิตใจอย่างสมบูรณ์ ดังนั้น ทารกแรกเกิดจึงควรได้รับน้ำนมแม่เพียงอย่างเดียวตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 6 เดือน และหลังจากนั้น สามารถให้นมแม่ต่อเนื่องควบคู่กับอาหารอื่นที่เหมาะสมตามวัย จนกระทั่งมีอายุ 2 ปี หรือจนกว่าจะหย่านมไปเอง

Covid-19 ไม่สามารถติดต่อผ่านทางน้ำนมแม่ไปสู่ทารกได้!

แม่ทุกคน สามารถให้นมลูกได้! ไม่ว่าจะเป็นคุณแม่ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง หรือกลุ่มติดเชื้อ Covid-19 โดยมีการศึกษาแล้วว่า ไม่พบเชื้อในน้ำคร่ำและน้ำนม คุณแม่สามารถให้นมลูกได้ตามปกติอย่างมั่นใจ โดยการให้นมลูกของคุณแม่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ดังนี้

COVID-19 แบบไหนเรียก “เสี่ยงสูง” ปฏิบัติตัวอย่างไรดี?

กรณีการให้นมทารกจากเต้า

  • ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ทั้งก่อน-หลังให้นม
  • อาบน้ำและเช็ดทำความสะอาด บริเวณเต้านมและหัวนม
  • ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ ก่อน-หลังสัมผัสลูกทุกครั้ง
  • หลีกเลี่ยงการไอ จาม หอม จุ๊บปาก ขณะที่อุ้มทารก

กรณีบีบน้ำนม/ปั๊มนม เก็บให้ทารก

  • ในระหว่างการปั๊มนม ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
  • ล้างมือ ทำความสะอาดเต้านมด้วยน้ำและสบู่ ทั้งก่อนและแหลังบีบนม
  • ทำความสะอาดขวดนม และเครื่องปั๊มนมหลังใช้งานทุกครั้ง
  • หลังการปั๊มนม ให้เก็บขวดนมในถุงและทำการฆ่าเชื้อภายนอกถุงด้วยแอลกอฮอล์ 70% ก่อนนำถุงน้ำนมมาเก็บรักษาทุกครั้ง

คุณแม่ตั้งครรภ์ สามารถฉีดวัคซีน covid-19 ได้หรือไม่?

คุณแม่ตั้งครรภ์ สามารถรับวัคซีนโควิด19 ได้ทุกชนิดในขณะนี้ (เมื่อมีอายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์เป็นต้นไป)

โดยควรหลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 พร้อมกับวัคซีนชนิดอื่นๆ ยกเว้นมีความจำเป็นตามดุลยพินิจของแพทย์ โดยควรเว้นระยะห่างอย่างน้อยประมาณ 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลการฝากครรภ์ก่อนตัดสินใจเข้ารับวัคซีน


 ผู้หญิงให้นมบุตร สามารถรับวัคซีน covid-19 ได้หรือไม่?

หญิงให้นมบุตรสามารถรับวัคซีน covid-19 ได้ทุกชนิด ที่มีในขณะนี้ โดยไม่จำเป็นต้องงดนมแม่หลังฉีดวัคซีน

ปัจจุบันแม้มีความกังวลเรื่องผลข้างเคียงของวัคซีน แต่พบว่าผลข้างเคียงในคนท้องเป็นเช่นเดียวกับประชากรทั่วไป ยังไม่พบอันตรายของวัคซีนต่อแม่และลูก หากแม่ตั้งครรภ์ฉีดไปแล้วหนึ่งเข็มก่อนการตั้งครรภ์ สามารถฉีดเข็มสองตอนตั้งครรภ์ได้ นอกจากนั้นยังพบภูมิต้านทานโควิดในเด็กบางรายที่คลอดออกมาเมื่อแม่ฉีดวัคซีนด้วย

เช่นเดียวกับเหตุผลความปลอดภัยต่อแม่และลูกของวัคซีนโควิด หญิงที่เตรียมตัวท้องสามารถฉีดวัคซีนได้

ขอบคุณข้อมูลจาก: ศูนย์ข้อมูลโควิด-19, กรมสุขภาพจิต, พญ.สโรชา วุฒิพุธนันท์ – กุมารแพทย์


ข้อมูลสุขภาพ Covid-19 ผู้หญิง แม่และเด็ก
โทรหาเรา 1728 นัดหมายแพทย์ นัดหมายแพทย์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า