นายแพทย์ วัชรพจน์ เอนกรัตน์
สูตินรีแพทย์ ด้านมะเร็งนรีเวชวิทยา
หนึ่งในอาการทางสูตินรีเวชที่พบบ่อยในสุภาพสตรีวัยเจริญพันธุ์ คือ “ภาวะถุงน้ำในรังไข่” ซึ่งในบางรายอาจส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ทำให้เกิดอาการปวดท้อง หรือรอบเดือนมาไม่ปกติ อาการเหล่านี้ปกติหรือไม่?! มาค้นหาคำตอบกับ นายแพทย์วัชรพจน์ เอนกรัตน์ สูตินรีแพทย์ ด้านมะเร็งนรีเวชวิทยา ประจำโรงพยาบาลศิครินทร์
Q: ภาวะถุงน้ำในรังไข่คืออะไร?
A: ภาวะถุงน้ำในรังไข่ หรือ Ovarian Cyst คือ ภาวะที่มีถุงน้ำเกิดขึ้นภายในรังไข่ หรือบริเวณรอบรังไข่ สาเหตุของการเกิดภาวะถุงน้ำในรังไข่นั้นอาจเกิดจากความผิดปกติของรังไข่ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงตกไข่ หรือเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ ภาวะถุงน้ำในรังไข่นั้นสามารถเกิดขึ้นได้ โดยที่ไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อร่างกาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของถุงน้ำ ถุงน้ำในรังไข่ ชนิดที่ไม่ใช่เนื้อร้ายและพบได้บ่อย เช่น
- Functional cyst: ถุงน้ำชนิดที่พบบ่อยที่สุด มักเกิดขึ้นพร้อมกับรอบเดือนและฝ่อไปเอง ไม่มีอันตราย
- Dermoid cyst: ถุงน้ำรังไข่ชนิดนี้เกิดจากความผิดปกติของการแบ่งเซลล์ มักพบพร้อมกับไขมัน, เส้นผม, และฟัน ไม่ใช่เนื้อร้าย
- Endometrioma: ถุงน้ำชนิดนี้เกิดขึ้นจากการที่เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่บริเวณรังไข่ เกิดการอักเสบจนกลายเป็นถุงน้ำที่มีของเหลวสีคล้ายช็อกโกแลต หรือที่มักเรียกว่า “ช็อกโกแลต ซีสต์ – Chocolate Cyst”
Q: ใครที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะถุงน้ำในรังไข่
A: ภาวะถุงน้ำในรังไข่ หรือ ซีสต์รังไข่ พบมากถึง 1 ใน 10 ของผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ช่วงอายุ 18 – 45 ปี โดยเป็นอาการผิดปกติของต่อมไร้ท่อทางนรีเวชที่พบบ่อยที่สุด
Q: อาการแบบไหนที่ต้องมาพบแพทย์
A: หากประจำเดือนมาไม่ปกติ เช่น มามากหรือน้อยกว่าปกติ ประจำเดือนไม่มา ปวดท้องน้อย ปวดท้องน้อยเฉียบพลัน คลำพบก้อนที่ท้องน้อย ท้องขยายขึ้น ทานอาหารเพียงเล็กน้อยแต่รู้สึกอิ่ม ท้องอืด สิวขึ้นเยอะ ปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น
นอกจากนี้แล้ว ในผู้ป่วยบางรายที่มีน้ำหนักเกิน มีลักษณะอ้วนแบบลงพุง ก็ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงของการเกิดภาวะถุงน้ำในรังไข่ได้อีกด้วย หากมีอาการดังกล่าว ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษา เพราะถ้าปล่อยไว้อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง หรือมีบุตรยาก ซึ่งในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการไม่ชัดเจน หรือไม่แสดงอาการใดๆ ดังนั้นจึงแนะนำให้สังเกตตนเอง และพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพประจำปี
Q: ภาวะถุงน้ำในรังไขอันตรายไหม รักษาได้หรือไม่?
A: ภาวะถุงน้ำในรังไข่สามารถรักษาได้ โดยวินิจฉัยเบื้องต้นได้ด้วยการอัลตร้าซาวนด์ และรักษาด้วยการผ่าตัด โดยมี 2 วิธี คือ การผ่าตัดแบบส่องกล้อง และการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง การผ่าตัดแบบส่องกล้องนั้นมีข้อดี ผู้ป่วยจะมีแผลเล็ก เจ็บน้อย และสามารถฟื้นตัวได้เร็ว ทั้งนี้ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับอาการของผู้ป่วย
Q: ภาวะถุงน้ำในรังไข่ สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีกหรือไม่?
A: ภาวะถุงน้ำในรังไข่ มีโอกาสที่จะเกิดซ้ำอีก ขึ้นอยู่กับการดำรงชีวิตและการรับประทานอาหาร โดยควรมีการดูแลตนเองเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงและป้องกันตนเองจากภาวะนี้ โดยการลดความอ้วน ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่เครียด เพราะจะส่งผลให้ฮอร์โมนผิดปกติ และควรเข้ารับการตรวจภายในเป็นประจำ คอยสังเกตตนเอง และรีบมาพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติของประจำเดือน หรือมีอาการปวดท้องที่ผิดปกติ