อาการวูบ ภาวะหมดสติ การสูญเสียความรู้สึกตัวร่วมกับการสูญเสียการทรงตัวชั่วคราว หรือหมดสติไปเป็นเวลานาน เกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ เนื่องจากระดับโลหิตในร่างกายลดลงอย่างรวดเร็ว บางรายอาจมีความผิดปกติเกี่ยวกับหูชั้นใน ซึ่งส่งผลต่อระบบประสาททรงตัว ทำให้ผู้ป่วยมีอาการวิงเวียน และวูบได้ โดยปกติแล้วอาการดังกล่าวมักจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ไม่เกินนาที แจะฟื้นรู้สึกตัวเหมือนปกติโดยไม่มีอาการแขนขาอ่อนแรง ในผู้ป่วยที่ไม่ได้มีอาการรุนแรง
ระวัง! มีอาการวูบบ่อยๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคร้าย
ปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการวูบ มาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น โรคประจำตัวของผู้ป่วย และโรคบางอย่างที่มาจากหูชั้นใน สาเหตุของอาการวูบ เป็นลมหมดสติ แบ่งได้เป็น
อาการวูบที่มีสาเหตุมาจากโรคหัวใจ เป็นชนิดของอาการวูบที่อาจทำให้เกิดอันตรายรุนแรงมากที่สุด มักเกิดขึ้นเฉียบพลัน โดยอาจไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการอื่น เช่น แน่นหน้าอก ใจสั่นรุนแรง นำหน้าช่วงสั้นๆ ก่อนที่จะมีอาการวูบหมดสติ ซึ่งมีสาเหตุมาจาก
- โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดร้ายแรง อาจเป็นชนิดเต้นช้า หรือเต้นเร็วกว่าปกติ โดยเฉพาะหัวใจห้องล่างเต้นเร็วผิดปกติ หรือมีประสาทหัวใจลัดวงจร
- โรคลิ้นหัวใจตีบรุนแรง
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีกล้ามเนื้อหัวใจหนาผิดปกติ
- โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ อุดตัน
การตอบสนองต่อระบบประสาทอัตโนมัติมากผิดปกติ เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการวูบหมดสติ พบบ่อยในผู้ป่วยที่มีอายุน้อย ไม่มีโรคหัวใจใดๆ มักเกิดอาการในขณะที่ตื้นเต้น ตกใจ กลัว เบ่งปัสสาวะ เจ็บปอด หรืออยู่ในที่ร้อนแออัด มักไม่มีอันตรายรุนแรง มีเพียงส่วนน้อยที่พบว่ามีอาการรุนแรงเนื่องมาจากมีภาวะหัวใจเต้นผิดปกติร่วมด้วย
อาการวูบเนื่องมาจากโรคสมอง ได้แก่ โรคลมชัก โรคหลอดเลือดสมองตีบ อุดตัน
โรคความดันโลหิตต่ำ มีภาวะความดันโลหิตต่ำขณะเปลี่ยนท่า มักเกิดอาการหน้ามืดขณะที่ลุกยืนเร็วๆ พบบ่อยในผู้ป่วยสูงอายุ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยที่ได้รับยารักษาความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยที่มีภาวะขาดน้ำ
ภาวะอื่นๆ เช่น ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ภาวะซีดรุนแรง
มีอาการวูบ หน้ามืด หมดสติ รีบส่งโรงพยาบาลทันที
- วูบแล้วหมดสติ วูบแล้วชัก
- วูบแล้วมีอาการหน้าเบี้ยวร่วมด้วย
- วูบแล้วหัวใจเต้นผิดปกติ
- เป็นผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว
- กลืนลำบาก อ่อนแรง ชา เดินเซ
“วูบ” ขณะออกกำลังกาย อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต!

หากท่านที่อาการวูบบ่อยๆ ควรรีบเข้ามารับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์เพื่อทำการักษาอย่างทันท่วงที สามารถตรวจวินิจฉัยได้โดย
- การตรวจหัวใจ และหลอดเลือด ได้แก่ การตรวจอัลตราซาวนด์หัวใจด้วยคลื่นความถี่สูง (Echo) การทดสอบสมรรถภาพหัวใจด้วยการออกกำลังกาย (EST) การตรวจติดตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจ 24 ชั่วโมง (Hotel Monitoring) การตรวจระบบประสาทอัตโนมัติหัวใจด้วยเตียงปรับระดับ (Tilt Table Test) การตรวจประเมินหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Angiography)
- การตรวจระบบสมอง ได้แก่ การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEC) การตรวจหลอดเลือดเลี้ยงสมองส่วนคอด้วยเครื่องอัลตราซาวนด์ (Carotid Duplex Scan) การตรวจสมองด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Brain) การตรวจหลอดเลือดสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI & MRA Brain)
วูบ หน้ามืด หมดสติ
สัญญาณโรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ ตรวจหาสาเหตุ เพื่อป้องกัน และรักษา ก่อนเป็นอันตรายถึงชีวิต
การรักษาผู้ป่วยที่มีอาการวูบ ขึ้นอยู่กับการตรวจวินิจฉัย และความเสี่ยงของผู้ป่วยที่จะได้รับอันตรายจากอาการวูบ หรือโรคที่เป็นอยู่ ในผู้ป่วยที่มีสาเหตุมาจากหัวใจหรือมีความเสี่ยงเกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต จำเป็นจะต้องตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัด และวางแผนการรักษา เช่น การฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจ ในกรณีที่อาการวูบเกิดจากหัวใจเต้นช้ามากหรือหยุดชั่วขณะ การจี้ประสาทหัวใจลัดวงจรในกรณีที่หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ การขยายหรือการผ่าตัดแก้ไขหลอดเลือดหัวใจตีบตันหรือลิ้นหัวใจตีบตัน
สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ไม่ได้มีอาการบ่อย แนะนำให้ดูแลตนเองเพื่อป้องกันการเกิดอาการซ้ำ โดยควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการวูบได้ เช่น
- การอยู่ในสถานที่อากาศร้อน หรือแออัด
- สูญเสียน้ำและเกลือแร่
- รับประทานอาหารปริมาณมากในมื้อเดียว หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ออกกำลังกายหักโหมมากกว่าปกติ
- รับประทานยาบางชนิด เช่น ยาลดความดัน ยาขับปัสสาวะ หากมีอาการดังกล่าวขณะใช้ยา ควรปรึกษาแพทย์